วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เมื่อพระอาทิตย์อยู่กลางหัว

. . .

แสงแดด แผดเผา ทุกสิ่งอย่าง

ร่มเงา แอบซ่อน ไว้เบื้องหลัง

. . .

ทางเดิน เบื้องหน้า ยังทอดยาว

ก้าวย่าง ดำเนิน ตามวิถี

ความดี คงอยู่ ในตัวตน 
. . .

#Rerun


วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สี เดือนสิบเอ็ด ห้าสิบหก

...

ดวงดาว พร่างพราว กลางท้องฟ้า

เดือนเด่น ซ่อนแสง กลางหมู่เมฆ

...

ชีวิต เร่งเร้า ไร้ความสุข

ความทุกข์ แอบแฝง ไร้กฏเกณฑ์

จุดหมาย เลือนลาง ไร้ทิศทาง

ความฝัน สูญหาย ไร้ความหมาย

...

#Rerun

บันทึกที่

เกษตร กำแพงแสน


วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ยิ้ม


คุณเคยมีเรื่องทุกข์ใจจนคุณต้องร้องไห้ออกมา ขนาดร้องไห้ออกมามันยังไม่เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น ผมว่าหลายๆคน เคยเป็นแบบนี้

แต่ถ้าเราลองยิ้มให้กับเรื่องทุกข์ใจเหล่านี้ มันก็จะยิ้มกลับคืนมาให้เราเหมือนกัน

"แล้วกัน !!" เป็นคำพูดที่คุณคนเกิดขึ้นในใจ มีเรื่องทุกข์ใจขนาดนั้นแล้วจะยิ้มออกได้ยังไง

ที่ให้ยิ้ม ไม่ใช่การฝืนยิ้มหรือการฉีกยิ้มแบบไม่เต็มใจ แต่เป็นการคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น แล้วค่อยๆยิ้มให้กับมัน ผมเชื่อว่าการยิ้มมันช่วยให้คนเรามีความสุขแน่นอน เคยสังเกตตัวเราว่า ถ้ามีคนสวยๆหรือไม่สวยก็ได้ มาส่งยิ้มให้เรา เรามีความสุขไหมหล่ะ เหมือนกันแหละ ค่อยๆยิ้มให้มัน ไอ้เจ้าเรื่องทุกข์ๆใจเนี้ย แล้วมันจะรู้เองว่าเรายิ้มให้ จากที่มันเต็มไปด้วยความทุกข์ มันก็จะผ่อนคลายลง จนเหมือนเป็น0 คือไม่เป็นทุกข์แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เรามีความสุขมากๆ

"ไอ้เจ้าเรื่องทุกข์ๆนี่มันมีตัวตนรึไง" หลายๆคนก็ยังคิดสงสัยอยู่

ไอ้เจ้าเรื่องทุกข์มันไม่มีตัวตนหรอก แต่ตัวเราเป็นคนสร้างมันขึ้นมา คิดมันขึ้นมา แล้วไปบอกว่ามันทุกข์ การที่เรายิ้มก็เหมือนทำให้ตัวเรามีความสุข พอตัวเรามีความสุขก็จะค่อยๆลดความทุกข์ลงเรื่อยๆ

ก็เหมือนเราเป็นระบบ แล้วรอบข้างคือสิ่งแวดล้อม  ถ้าเราเป็นคนที่เอาสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรามาเข้าสู่ระบบเรื่อยๆๆ เท่ากับ สิ่งแวดล้อมเป็นผู้กำหนดให้เราเป็นอะไร เหมือนกับ ถ้าเราเป็นทุกข์ใจที่ คนรอบข้างพูดถึงเราทางไม่ดี ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง แต่เราก็เอามันมาคิด จนเราไม่มีความสุขกับชีวิตของเรา ดังนั้นเราจึงต้องอย่าเอาสิ่งแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวกับระบบให้มากจน ระบบจะถูกกำหนดด้วยสิ่งแวดล้อมไปเสียหมด ให้ระบบส่วนใหญ่ถูกกำหนดด้วยตัวระบบเอง ส่วนสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งที่ค่อยเสริมคอยกีดกันระบบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ขอให้ทุกคนยิ้มกับความทุกข์ แล้วมันจะยิ้มกลับมาให้คุณเอง

#Rerun

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

กลับมาที่เก่า

วันนี้หลังจากที่กลับจากมาเรียนแล้ว น้องห้องผมก็เปิดเพลงของ "พงษ์สิทธิ์ คำภีร์" ซึ่งก็เป็นปกติ เพราะมันมีแค่เพลงของ "พงษ์สิทธิ์ คำภีร์" แล้วผมก็มาสะดุดที่เพลง "กลับมาที่เก่า" ยอมรับว่าเพลงนี้ผมฟังมาหลายรอบแล้วแหละแต่ก็ไม่ได้สนใจ แต่วันนี้ผมดันมาสนใจเนื้อหาของเพลง ทั้งดนตรีและเนื้อเพลงที่ทำให้เราสนใจมันได้ เพลงนี้ขึ้นต้นว่า "เมื่อแสงทองส่อง ลอดช่องขอบฟ้านิดเดียว เหลี่ยวมองดูมีความหวัง" มันถูกร้องด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ "พงษ์สิทธิ์ คำภีร์" ส่วนเนื้อหาของเพลงนี้ หลังจากฟังแล้วพอจับใจความได้ว่า

"ครั้งหนึ่งเราเคยทำอะไรไม่ดีเอาไว้ แล้วเรากลับหนีไปให้ไกล แต่อยู่มาวันหนึ่ง เรากลับมาที่เก่าของเรา เพื่อจะลืมทุกอย่างแล้วกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่เรื่องที่ไม่ดีของเราก็ถูกชาวบ้านนินทา ว่าไปทำไม่ดี แล้วยังกีดกันไม่ให้อยู่ในสังคม และขนาดครอบครัวก็ยังไม่อยากให้อยู่เพราะชาวบ้านก็มองตัวเราไม่ดี ตัวเราก็ทนแรงกดดันไม่ไหวเลยต้องกลับมาที่เก่าที่เราเคยอยู่อีกครั้ง"

เพลงนี้มันสะท้อนสังคมไทยที่ถ้าใครทำผิดแล้วมันจะถูกตัดสินว่าเป็นคนไม่ดีโดยคนในสังคมเอง ทำให้คนที่อยากจะกลับตัวเป็นคนดี ไม่อยากกลับเป็นคนดี เพราะยังไงสังคมยังประนามว่าเรายังเป็นคนไม่ดี มันเลยต้อง "กลับมาที่เก่า" ที่มีคนยอมรับเรา

เพลง กลับมาที่เก่า
ศิลปิน พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

เมื่อแสงทองส่อง ลอดช่อง ขอบฟ้านิดเดียว เหลียวมองดูมีความหวัง
จำใจบากหน้า หวลกลับ มาบ้านอีกครั้ง ทิ้งเรื่องเก่าไว้ เบื้องหลัง เริ่มต้นใหม่ที่ศูนย์
เกลียดเสียง ชาวบ้าน ร่ำลือ เรื่องราวคาวกาม นินทา ว่าร้ายอื้ออึง
ครอบครัวขายหน้า อับอาย ไม่อยากให้อยู่
ลูกสาวช่าง อดสู ขายตัว มั่วกาม โสมม
จ้าว ข้า เอ้ย หยามเย้ย และลดความหวัง ดูดซับกินพลัง
เหยียดหยัน ว่าฉัน เคยทราม
ครอบครัวเคย เกลียวกลม กลับละเลยห่าง
สังคมรุม ประณาม กีดกัน ให้ฉัน ออกไป
หอบซาก ร่างมาแบกหน้า กลับมาที่เก่า ที่เขา ต้อนรับ อุ้มชู
ไม่อยาก รับรู้ หดหู่ และเศร้าพอดู นั่งลงตรง ปากรู
ตั้งต้นขาย ตัวเอง
พ่อแม่เอ้ย อย่าเลยอย่าต้องลำบาก
ท่านก็เหนื่อยมามากต้องแบกรับความอดสู
เพื่อนบ้านเอยหยุดจับจ้องมองดู
สายตานั้น ปิดรูปิดช่อง เรื่องราว ความหวัง
หอบซาก ร่างมา แบกหน้า กลับมาที่เก่า
ที่เขา ต้อนรับ อุ้มชูไม่อยากรับรู้ หดหู่ แหละเศร้พอดู
นั่งลงตรง ปากรูตั้งต้นขาย ตัวเอง


ที่มา :  เนื้อเพลง "กลับมาที่เก่า"
#Rerun

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

23-กันยายน-2555


“ถ้าจะขึ้นที่สูงต้องเหยียบบันได ไม่ใช่เหยียบคนที่อยู่ต่ำกว่า” เป็นข้อความที่ผุดขึ้นมา ณ ผมกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงของความเป็นไปในปัจจุบัน คือ การจะพัฒนาตนเองให้มีความสามารถสูงขึ้นหรือให้สูงกว่าคนอื่น เพื่อจะได้มาซึ่งคำชมเชย ผลตอบแทนหรืออะไรก็ตามที่สามารถทำให้ตัวเองมีความพอใจ โดยวิธีใดๆก็ตาม หรือ พูดภาษาชาวบ้าน แบบบ้านๆ ว่า “กูต้องเก่งกว่ามึง ถ้าเมิงเก่งกว่ากู กูไม่ยอม” ผมต้องขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ แต่มันก็สามารถสื่อให้เห็นชัดขึ้น ทางที่ดีที่สุดถ้าจะพัฒนาตัวเอง ก็ควรยอมรับในความเป็นไปของตนเองว่า ในตอนนี้เราพัฒนาได้เท่านี้ ใครเก่งกว่า ดีกว่า ก็ดูแนวปฏิบัติของเขา แล้วมาพิจารณาอย่างมีวิจารณญาณว่าเราต้องนำมาประยุกต์ใช้อย่างไรให้เหมาะกับตัวเรา ไม่ใช่ไปดันเขาให้ต่ำลง เพื่อจะได้ให้เราดูสูงขึ้น บางทีคนที่เราไปดันเขาต่ำลง เขาอาจจะไม่ได้ต่ำลง แต่คนที่ต่ำลงอาจเป็นเราก็เป็นได้
#Rerun